เราคงเคยเจอช่วงเวลาที่อยากดูเรื่องที่สนใจ แต่ก็ต้องมาสะดุด กับ โฆษณา ที่จะปิดก็ปิดไม่ได้ ต้องรอการนับถอยหลัง 54321 พอมาถึงจุดนี้ เราอาจจะไม่รอ และเปลี่ยนไปดูอย่างอื่นแทน อย่างเสียอารมณ์

การเจอ Ads แบบนี้ซ้ำๆ ทำให้เราหงุดหงิด เพราะการแสดงโฆษณาที่มากเกินไป จริงๆ แล้ว Google รับรู้ถึงปัญหานี้ดี และไม่ต้องการให้เกิดประสบการ์ณแย่ๆกับผู้ใช้งาน Chrome ด้วย

เมื่อ Google ประกาศว่า จะออกมาตรฐาน และ กฎเกณฑ์ใหม่ เพื่อจัดการกับโฆษณาประเภทนี้ ฟังๆดูแล้วผู้ใช้งานหลายคนคงมองเป็นข่าวดี แต่คงไม่ใช่ข่าวดีของนักการตลาด และ นักโฆษณา แน่นอน – แต่อย่าเพิ่งตกใจไป

ข้อมูลต่อไปนี้ เป็นข้อมูลที่นักการการตลาด หรือ นักโฆษณา ต้องเรียนรู้กับหลักเกณฑ์ใหม่ๆ ที่ Google กำหนดขึ้น เพราะถึงยังไง Google ก็ไม่ได้บล้อคโฆษณาทั้งหมด แต่สิ่งที่นักการตลาดอย่างเราต้องทำ ก็คือการเตรียมพร้อมกับกฎเกณฑ์และมาตรฐานใหม่นี้ อย่างรู้เท่าทัน

Google Ad Blocking มีอะไรใหม่บ้าง ?

ประสบการณ์ผู้ใช้งานจะดีขึ้น ในขณะที่นักการตลาด และ นักโฆษณา ก็ไม่สูญเสียรายได้จากการลงโฆษณาแบบเปล่าประโยชน์

ได้มีการเขียนถึงการแสดงโฆษณาที่มีความรุกล้ำผู้ใช้งานมากเกินไป ใน Google SVP of Ads & Commerce ของ Sridhar Ramaswamy ซึ่งเป็นการแนะนำให้ผู้ใช้งาน ให้ทำการติดตั้ง Block Ads เพื่อความสะดวกมากขึ้น ซึ่งการปิดกั้นช่องทางโฆษณาแบบนี้ แน่นอนว่า นักการตลาด และ นักโฆษณา อาจจะต้องสูญเสียรายได้จากการที่โฆษณาที่ไม่ได้ยิงไปถึงกลุ่มเป้าหมาย

จากสถิติที่ผ่านผ่านมา Google เริ่มมีการลงโทษโฆษณาที่แสดงบนเนื้อหาเกินครึ่งหน้า และ การแสดงโฆษณาแบบ pop up บนมือถือ มาตั้งแต่ปี 2012 แล้ว

ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Google กับ รัฐบาล เพื่อเป็นการพัฒนามาตรฐานการทำโฆษณาของนักการตลาด นักโฆษณา ให้มีประสิทธิภาพ ให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ และ มาตรฐานใหม่ เพราะรูปแบบใหม่นี้ผู้บริโภคมีสิทธ์ที่จะรายงานความคิดเห็นว่ามีการรุกล้ำมากเกินไปของโฆษณาที่แสดงขึ้นมาได้

เกณฑ์สำหรับโฆษณาที่ไม่เหมาะสม

จากการสำรวจของทาง Google และ รัฐบาล ได้ชี้แจงถึงเรื่องโฆษณาที่ไม่เหมาะสม ใน Doubleclick สรุปแบบง่ายๆ ก็คือ

โฆษณาที่แสดงขึ้นมาด้วยวิธีการขึ้นตัวเลขนับถอยหลัง ซึ่งผู้บริโภคต้องรอ 10 วินาที ถึงจะสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ต้องการได้ โดยเฉพาะบนสมาร์ทโฟน จากการสำรวจ 74 % ของผู้ใช้งานยังไม่ถือว่าเป็นการรบกวนมากเกินไป

แต่โฆษณาที่ผิดหลักเกณฑ์ คือ

โฆษณาประเภทที่ มีภาพเคลื่อนไหว ติดตั้งเสียงเสียงแบบอัติโนมัติ ในขณะที่ผู้ใช้งานกำลังดูเนื้อหาในเว็บไซต์อยู่ ถือว่าเป็นการผิดกฎเกณฑ์ของ Google

โฆษณาที่ผิดกฎเกณฑ์จำนวนมากเหล่านี้ มีผลกระทบกับผู้ใช้งานให้การโหลดเนื้อหาที่ช้าลง แม้ว่าโฆษณาแบบนี้อาจจะทำให้มีคนเข้าเว็บไซต์มากขึ้นก็ตาม

Google จึงกำหนดว่า โฆษณาประเภทนี้ เป็นโฆษณาที่มีคอนเท้นต์ไม่เหมาะสม และ รุกล้ำผู้ใช้งานมากเกินไป

บน Smartphone


source: Google

บน Desktop


source: Google

3 วิธีที่จะทำโฆษณาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

1. ความรวดเร็ว : โฆษณาที่ไม่ใช้เวลาโหลดนาน และไม่ทำให้เวลาในโหลดข้อมูลของผู้ใช้งานบนหน้าเว็บลดลง AMP framework for advertising ช่วยคุณได้ คลิก https://www.ampproject.org/learn/who-uses-amp/amp-ads/ และ ควรจะใช้เวลาเท่าไหร่นั้น เราแนะนำให้ลองดูข้อมูลที่ https://amphtml.wordpress.com/2017/01/

2. คอนเท้นต์ต้องดี และ ดึงดูดใจ : โฆษณาควรมีคอนเท้นต์ที่สามารถให้ผู้บริโภค รับสื่อได้แบบธรรมชาติ รบกวนเวลาของผู้บริโภคน้อยที่สุด ซึ่งวิธีการนี้ จะช่วยให้มีคนเข้าเว็บไซต์มากขึ้นอ่านเพิ่มเติมhttps://support.google.com/dfp_premium/answer/6366845?hl=en

3. ตรงกลุ่มเป้าหมาย : นักการตลาด นักโฆษณา ต้องตั้งกลุ่มเป้าหมาย วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย และ เลือกแสดงโฆษณาให้ถูกกลุ่ม ที่สำคัญ มีการติดตาม และ วิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย ( Tracking Analytics )อ่านเพิ่มเติม https://www.hubspot.com/products/marketing/analytics?_ga=2.28934586.784668989.1513425993-578750224.1498439247 ) การสร้างคอนเท้นต์ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ถือว่าเป็นหนึ่งในการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพมาก

สิ่งที่นักการตลาด นักโฆษณา ควรจะรีบทำตั้งแต่ตอนนี้ คืออะไร

อย่าลืมกฎเกณฑ์ใหม่ของ Google นี้ ยังไม่มีผลบังคบใช้ จนกว่าจะถึงปี 2018 จึงไม่สายเกินไปที่นักการตลาด นักโฆษณา จะมาสร้างคอนเท้นต์ที่มีประสิทธิภาพ และ ให้เป็นไปตามมาตรฐานใหม่ของ Google ที่กำลังจะเกิดขึ้น

แน่นอนว่า คุณคงไม่ต้องการผลสำรวจความคิดเห็น จากกลุ่มเป้าหมายของคุณ ที่ว่า

“โฆษณาน่าเบื่อ”

“ฉันจะทำยังไงให้โฆษณานี้หายไปดีนะ”

ถ้าคอมเม้นต์แบบนี้เกิดขึ้นกับโฆษณาของคุณ ถึงเวลาแล้วหล่ะ ที่นักการตลาด นักโฆษณา อย่างเรา จะต้องทบทวน และ ปรับการสร้างคอนเท้นต์ใหม่ โดยด่วน

ที่สำคัญ บล้อคของเรา จะมีการแจ้งข่าวสารเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ใหม่ของ Google ให้นักการตลาด และ นักโฆษณา ทราบอย่างต่อเนื่อง

คุณจะปรับปรุงโฆษณาของคุณให้สอดคล้องกับมาตรฐานใหม่นี้หรือไม่? มาร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณให้เราฟังบ้างดีกว่า

สุดท้ายนี้อย่าลืมเรื่องการสร้าง Organic Lead ซึ่งการทำ Content เพื่อให้ได้ Lead ก็ถือว่าเป็น Asset หนึ่ง ขององค์กร และเป็นการทำการตลาดแบบยั่งยืน ลองศึกษาเพิ่มเติมเรื่อง Inbound Marketing เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการทำการตลาดนอกเหนือจากการทำการโฆษณาเพียงอย่างเดียว