multicultural businessmen and businesswoman discussing work together

สำหรับยุคปัจจุบันนี้ เป็นยุคที่คนส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพและความงามของตัวเองกันมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยการออกกำลังกาย หรือว่าทานอาหารเสริมต่างๆ จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมกราฟของธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและความงามถึงได้มีแต่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆทุกปี

แต่ ! ใช่ว่าทุกธุรกิจจะประสบความสำเร็จเสมอไป เพราะยิ่งเทรนด์การดูแลตัวเองมีเยอะมากเท่าไหร่ ทั้งสินค้าและบริการเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและความงามก็ยิ่งถูกผลิตขึ้นมามากเท่านั้น จนเรียกได้ว่าอุปทานมีมากกว่าอุปสงค์กันเลยทีเดียว

เพราะหลายๆคนคงเคยเห็น แบรนด์สินค้าและบริการต่างๆเกี่ยวกับสุขภาพและความงามในปัจจุบันนั้น มีมากมายจนแทบจะจำไม่ไหว และทำให้เกิดปัญหาก็คือ ลูกค้าไม่รู้ว่าควรเลือกใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากแบรนด์ไหนนั่นเอง

ฉะนั้น การวางแผนกลยุทธ์และการทำการตลาดสำหรับธุรกิจของเราเพื่อให้ธุรกิจไปรอด จึงเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมากค่ะ !

แต่ก่อนจะไปพูดถึงการทำการตลาดสำหรับธุรกิจด้านสุขภาพและความงามนั้น เรามารู้จักกับธุรกิจประเภทนี้กันก่อนว่า ธุรกิจนี้จะแยกออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน นั่นก็คือ 1. ด้านบริการ และ 2. ด้านสินค้า

ซึ่งถ้าเป็นธุรกิจทางด้านบริการ ส่วนใหญ่จะได้แก่ คลินิคเสริมความงาม ร้านจัดจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับความงาม ฟิตเนสต่างๆ เป็นต้น

ส่วนธุรกิจด้านสินค้า ที่ทุกคนคงจะเห็นกันหนาตาและรู้จักเป็นอย่างดี คือ ครีมทาผิวหน้า สบู่ อาหารเสริม เป็นต้น ซึ่งในส่วนของสินค้านั้น จะสามารถขายผ่านหน้าร้านค้า หรือขายทางออนไลน์ก็ได้

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าสำหรับธุรกิจนี้ ถ้าเป็นด้านบริการนั้น จะมีสถานที่ตั้งที่เป็นตำแหน่งตายตัว เช่น ร้านหรืออาคารที่เราอยู่ จะต้องวางแผนการตลาดเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเดินเข้ามาหาธุรกิจของเราให้ได้ ซึ่งอาจจะมีข้อกำจัดในเรื่องของการเดินทางเพื่อมาใช้บริการ แต่ในด้านสินค้านั้น เราสามารถขายออนไลน์ได้ ซึ่งจะมีความสะดวกสบายมากกว่า ที่ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ไหน เราก็สามารถทำการซื้อขาย และจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าได้นั่นเองค่ะ

แต่สำหรับบทความนี้ เราจะพูดถึง 4 เทคนิค บุกตลาดธุรกิจสุขภาพและความงาม เพิ่มยอดขายได้สุดปัง ! ที่จะช่วยให้การทำการตลาด มีประสิทธิภาพ และเพิ่มยอดขายได้มากยิ่งขึ้น !

  1. การตั้งชื่อ และการสร้างเรื่องราวของแบรนด์

เกณฑ์ในการตัดสินใจการเลือกใช้สินค้าและบริการต่างๆ หลักๆคงไม่พ้น “ความน่าเชื่อถือ” ของแบรนด์นั้นๆ

การตั้งชื่อที่ทำให้คนจำง่าย ไพเราะ หรือความหมายดี ติดปาก ติดหู เวลาพูดหรือได้ยิน ก็เป็นสิ่งสำคัญต่อการจดจำของลูกค้าได้เช่นกัน

และนอกจากการตั้งชื่อที่เหมาะสมและสวยงามแล้ว การมีเรื่องราวของแบรนด์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่แบรนด์ได้เป็นอย่างดี(โดยที่เราไม่ต้องลงทุนหรือเสียค่าใช้จ่ายสักบาท) โดยการสร้างเรื่องราวของแบรนด์นั้น ขอยกตัวอย่างเรื่องราวของแบรนด์ Pandora แบรนด์ที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับความงามที่เป็นเครื่องประดับ ทั้งที่ความจริงแล้ว ประวัติการก่อตั้งมีแค่ว่า กำเนิดมาจากผู้ก่อตั้งสองสามีภรรยา แต่ไม่ค่ะ ถ้าเล่าเพียงเท่านั้น แบรนด์ก็จะดูไม่มีคุณค่า ไม่น่าประทับใจ และไม่น่าจดจำอะไรเลย

Pandora จึงได้สร้างเรื่องราวขึ้น โดยขอกล่าวถึงแบบคร่าวๆคือ จะเล่าย้อนไปถึงเรื่องราวสมัยก่อนว่า เครื่องประดับที่จัดจำหน่ายนี้ มีประวัติความเป็นมาอย่างไรบ้าง มีคุณค่ามากมายอย่างไร มีคนที่สำคัญในประวัติศาสตร์คนไหนบ้างที่เคยใส่ รวมไปถึงการเล่าเรื่องราวให้ต่อเนื่องจนมาถึงการเป็นที่นิยมในปัจจุบัน จนทำให้เรารู้สึกประทับใจและเห็นคุณค่าของสินค้า รวมไปถึงถูกจูงใจจากเรื่องราวของแบรนด์ให้มีความรู้สึกอยากซื้อ อยากได้ โดยไม่รู้ตัวเลยล่ะค่ะ

ฉะนั้น ทั้งการตั้งชื่อแบรนด์ และเรื่องราวของแบรนด์ จะช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกเข้าใจในแบรนด์ของเราได้มากกว่าแบรนด์อื่นที่ไม่มีเรื่องราวหรือความเป็นมา ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและคุณค่าแก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้นค่ะ

  1. โปรโมชั่น

ต้องบอกเลยว่า ต่อให้รักสุขภาพและความงามมากมายแค่ไหน แต่ทั้งบริการและสินค้านั้น ล้วนเป็นสิ่งที่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายเป็นอย่างมาก ทำให้หลายๆคนนั้น จะตอบสนองต่อสินค้าที่โปรโมชั่น มากกว่าสินค้าไม่มีโปรโมชั่นค่ะ

ซึ่งการทำโปรโมชั่น ไม่ว่าจะเป็น ลด-แลก-แจก-แถม นั้น เป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งจะเห็นได้จากเฟซบุ๊คบ่อยๆ ที่เมื่อมีคนนำเอาโปรโมชั่นของสินค้ามาโพส ไม่ว่าจะเป็น สินค้าลดราคา หรือซื้อ 1 แถม 1 ก็จะมีคนแชร์โพสนั้นออกไปอย่างรวดเร็วและเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า การมีโปรโมชั่นจะช่วยดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี

แต่ก็มีข้อควรระวัง คือ การทำโปรโมชั่นที่มากเกินไป ก็อาจจะทำให้ลูกค้าเกิดความเคยชิน จนไม่รู้สึกว่าต้องรีบร้อนที่จะซื้อสินค้า เพราะเดี๋ยวยังไงก็ต้องมีโปรโมชั่นออกมาอีก

การจัดทำโปรโมชั่นจึงต้องเกิดจากการวางแผนการทำการตลาดที่ดี เพื่อประสิทธิภาพในการดึงดูดลูกค้าที่สูงสุดค่ะ

  1. การมีรีวิวที่ดี

การจะซื้อสินค้าและบริการของคนในปัจจุบัน นอกจากความน่าเชื่อถือของแบรนด์แล้ว การมีหลักฐานยืนยันจากผู้ใช้จริงนั้นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยโน้มน้าวในลูกค้าได้เป็นอย่างดี

เพราะก่อนจะซื้อสินค้าหรือใช้บริการอะไรที่ไม่เคยใช้มาก่อน คนส่วนใหญ่มักจะ Search หารีวิวก่อนเป็นอันดับแรก เป็นที่มาของการสร้างรีวิวนั่นเองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างด้วยการให้ค่าตอบแทนแก่ Influencer เพื่อมาทำการรีวิว หรือการรีวิวจากผู้ใช้บริการและสินค้าเองจริงๆ

ยิ่งมีรีวิวที่ดี และกระแสตอบรับในด้านบวกมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และสามาถชักจูงจิตใจของลูกค้าให้อยากมาใช้สินค้าและบริการของเราได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

  1. การยิง Ads.

เมื่อเข้าสู่ยุคของโลกโซเชี่ยลแล้ว การใช้ประโยชน์จากช่องทางเหล่านี้คือสิ่งที่ไม่ควรพลาด เพราะการยิง Ads. นี้ เราไม่จำเป็นต้องออกไปแจกใบปลิว หรือเดินไล่ติดป้ายตามเสาไฟฟ้าเพื่อทำการโปรโมทแบบสมัยก่อน แต่เพียงแค่เราเสียค่าใช้จ่ายในการยิงโฆษณาผ่านสื่อโซเชี่ยลช่องทางต่างๆ ก็จะทำให้มีผู้คนรู้จักเราได้เช่นเดียวกัน

ซึ่งการยิง ads. นี้ ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้ ข้อ 2 และ 3 ในการยิง Ads. หรือก็คือ โปรโมชั่น และ รีวิวจากผู้ใช้ นั่นเองค่ะ เพราะถ้าหากว่าเรามีโปรโมชั่นที่น่าสนใจ หรือรีวิวที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็คต์ แต่ไม่มีคนเห็น ก็ถือว่าไร้ค่าใช่ไหมล่ะคะ

การยิงโฆษณาจึงเป็นสิ่งที่ควรทำและจำเป็นมากๆ เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่เสียไป และยอดขายที่ได้กลับคืนมา แถมยังเป็นการโปรโมทแบรนด์ของเราให้เป็นที่ติดตาของลูกค้าได้อีกด้วย

เพราะปัญหาของลูกค้า คือ การที่ไม่รู้ว่าควรจะเลือกใช้บริการและสินค้าของแบรนด์ไหน ทำให้เราต้องหาวิธีทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า เราคือแบรนด์ที่ใช่ ที่ลูกค้าควรใช้บริการและซื้อสินค้า ด้วยความน่าเชื่อถือและคุณภาพของแบรนด์ที่เรามี ด้วย 4 เทคนิค บุกตลาดธุรกิจสุขภาพและความงาม เพิ่มยอดขายได้สุดปัง ! นี้ อาจจะไม่ได้เจาะลึกในด้านในด้านหนึ่งมาก แต่ในแต่ละข้อก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามในการทำการตลาดในธุรกิจนี้นะคะ

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ ^^ ไว้เจอกันใหม่บทความหน้าค่ะ